ศึกษาข้อกฎหมาย SOPA และ PIPA แล้วตอบคำถามดังต่อไปนี้
1. SOPA และ PIPA คืออะไร ต่างกันอย่างไร
- SOPA ย่อมาจาก Stop Online Piracy Act คือ ร่างกฏหมายของประเทศสหรัฐอเมริกา (USA) ซึ่งมีจุดประสงค์คือ ต้องการหยุดการละเมิดลิขสิทธิ์บนอินเตอร์เน็ต เพื่อป้องกันการคัดลอกข้อมูลทรัพย์สินทางปัญญาที่มีอยู่อย่างมากมายบนอินเตอร์เน็ตครับ โดย SOPA จะทำให้เจ้าของลิขสิทธิ์ทางปัญญา เช่น ค่ายเพลง ค่ายหนัง สามารถฟ้องร้องต่อ การละเมิดลิขสิทธิ์ของตนได้
- PIPA นั้นมาจาก Protect IP Act หรือ พ.ร.บ. คุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาครับ ซึ่งเหมือนกับเป็นลูกพี่ลูกน้องของ SOPA นี่แหละ เจ้า พ.ร.บ. นี้แรงเอาการครับ เพราะมีเนื้อหาที่บอกว่า ให้ผู้ให้บริการนั้นดำเนินการลบหรือระงับการเข้าถึงเว็บไซต์ที่ละเมิด พ.ร.บ.
- ความแตกต่างของ SOPA กับ PIPA ก็คือ ในขณะที่ PIPA นั้นจะมีเป้าหมายไปที่ตัวผู้ให้บริการ DNS, พวกบริษัทไฟแนนซ์ และพวกเครือข่ายโฆษณาต่างๆ ไม่ได้เกี่ยวกับผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต แต่ว่า SOPA นั้นกินวงกว้างกว่า โดยให้อัยการสหรัฐสามารถขอให้ศาลังคับคดี เพื่อให้ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต (Internet Service Provider หรือ ISP) บล็อกไม่ให้เข้าถึงเว็บไซต์นั้นๆ ได้ แถมต้องทำโดยไวด้วย แบบว่าเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ หรือภายใน 5 วันหลังได้คำสั่งศาล หรือภายในเวลาที่ศาลกำหนด ซึ่งตรงนี้ระบุไว้ในมาตราที่ 102
2. ทั้งสองฉบับมีผลต่อเว็บไซต์ประเภทไหน อย่างไร
- Blog , วีดีโอจากyoutube , วงการเพลง ,ข่าว , บริการค้นหาเว็บไซต์ , เว็บสังคมออนไลน์, Google, Facebook, Twitter, Zynga, eBay, Mozilla, Yahoo!, AOL และ LinkedIn
3. ท่านคิดว่า ทั้งสองฉบับมีผลต่อเว็บไซต์ที่อยู่ในเซอร์เวอร์ของไทย หรือไม่ อย่างไร
- มีผลกระทบอย่างมาก สามารถสั่งห้าม “ลิงก์” ไปยังเว็บไซต์ที่มีเนื้อหาละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา ถ้าผ่านการพิจารณาแล้ว..เว็บต่างๆหลายแห่งที่เป็นพวกละเมิดลิขสิทธิ์ โหลดบิท ลิ้งไปเว็บผิดกฏหมายจะถูกบล็อค เซ็นเซอร์และปิดเว็บไซต์กันเพียบ
4. โปรดแสดงความคิดเห็น กับกรณีที่โปรแกรมเมอร์และเว็บมาสเตอร์ออกมาต่อต้านกฎหมายนี้
- เป็นการปิดกั้นการสร้างนวัตกรรมออนไลน์ใหม่ๆ รวมทั้งการใช้ SOPA/PIPA เป็นเครื่องมือโจมตีเว็บไซต์ต่างๆ ที่ไม่รู้เท่าทันและกลายเป็นเหยื่อของกฏหมาย
วันพฤหัสบดีที่ 15 มีนาคม พ.ศ. 2555
Management Information System (MIS) : Assignment 3
1. จากปุ่มสร้างนี้ มีอะไรบ้างที่เป็น Upstream Management และ มีอะไรบ้างที่เป็น Downstream Management
- UM – Farm, Logging Camp, Mine, Oil Well
- DM – Retail Store, R&D Center
2. จากเกมส์ ถ้าท่านจะสร้างโรงงานแห่งใหม่ มีปัจจัยใดบ้างที่ใช้ในการตัดสินใจ ข้อมูลนั้นมาจากแหล่งไหนบ้าง
- ค่า Utilisation ของแผนกผลิตตามโรงงาน ผลกำไรของโรงงานจากการผลิตสินค้านั้นๆ ค่า Demand ที่เพิ่มสูงในสินค้านั้นๆ
3. จากเกมส์ ท่านคิดว่าข้อมูลไหนบ้างที่ระบบ MIS, DSS ในความเป็นจริง ไม่สามารถประมวลออกมาได้
- Brand Awareness, Quality, Brand Royalty Utilisation, Skill, Technology
4.จากเกมส์ ท่านคิดว่ามีปัจจัยอะไรบ้างที่มีผลต่อยอดขายสินค้า
- ราคาสินค้า, ความต้องการของตลาด, คู่แข่ง, การประชาสัมพันธ์
5. ข้อมูลอะไรบ้างที่ท่านคิดว่าผู้บริหารควรทราบเพื่อใช้ในการตัดสินใจ ซึ่งในเกมไม่ได้ทำไว้ แต่ในการทำงานจริงควรจะมี
- จำนวนประชากร ที่มีความต้องการสินค้า
- UM – Farm, Logging Camp, Mine, Oil Well
- DM – Retail Store, R&D Center
2. จากเกมส์ ถ้าท่านจะสร้างโรงงานแห่งใหม่ มีปัจจัยใดบ้างที่ใช้ในการตัดสินใจ ข้อมูลนั้นมาจากแหล่งไหนบ้าง
- ค่า Utilisation ของแผนกผลิตตามโรงงาน ผลกำไรของโรงงานจากการผลิตสินค้านั้นๆ ค่า Demand ที่เพิ่มสูงในสินค้านั้นๆ
3. จากเกมส์ ท่านคิดว่าข้อมูลไหนบ้างที่ระบบ MIS, DSS ในความเป็นจริง ไม่สามารถประมวลออกมาได้
- Brand Awareness, Quality, Brand Royalty Utilisation, Skill, Technology
4.จากเกมส์ ท่านคิดว่ามีปัจจัยอะไรบ้างที่มีผลต่อยอดขายสินค้า
- ราคาสินค้า, ความต้องการของตลาด, คู่แข่ง, การประชาสัมพันธ์
5. ข้อมูลอะไรบ้างที่ท่านคิดว่าผู้บริหารควรทราบเพื่อใช้ในการตัดสินใจ ซึ่งในเกมไม่ได้ทำไว้ แต่ในการทำงานจริงควรจะมี
- จำนวนประชากร ที่มีความต้องการสินค้า
Management Information System (MIS) : Assignment 2
1. บริษัทได้กล่าวถึงข้อเสียจากการไม่มีระบบ MIS ไว้อย่างไรบ้าง ?
- ไม่สามารถทำการคำนวณและประมวลผลงานได้เร็ว
- ไม่สามารถนำเสนอประสิทธิภาพผ่านการให้บริการต่างๆ
- ไม่สามารถช่วยในการเผยแพร่ข่าวสารไปสู่คนทั่วโลกได้
- ไม่สามารถช่วยให้สามารถบันทึกรายละเอียดของคนได้อย่างง่ายดายซึ่งอาจจะเป็นการละเมิดสิทธิ ส่วนบุคคล
2.บริษัทได้กล่าวถึงข้อเสียของระบบ MIS ของสถานศึกษาทั่วไปอย่างไรบ้าง ?
- ไม่สามารถบริหารสถานศึกษาทำให้การบริหารจัดการของผู้บริหารการศึกษามีความสะดวกรวดเร็วและมีคุณภาพ ทำให้การสื่อสารและการประสานงานด้านการบริหารการศึกษาและการปฏิรูปการศึกษาไม่สะดวกรวดเร็ว
- ไม่สามารถทำการคำนวณและประมวลผลงานได้เร็ว
- ไม่สามารถนำเสนอประสิทธิภาพผ่านการให้บริการต่างๆ
- ไม่สามารถช่วยในการเผยแพร่ข่าวสารไปสู่คนทั่วโลกได้
- ไม่สามารถช่วยให้สามารถบันทึกรายละเอียดของคนได้อย่างง่ายดายซึ่งอาจจะเป็นการละเมิดสิทธิ ส่วนบุคคล
2.บริษัทได้กล่าวถึงข้อเสียของระบบ MIS ของสถานศึกษาทั่วไปอย่างไรบ้าง ?
- ไม่สามารถบริหารสถานศึกษาทำให้การบริหารจัดการของผู้บริหารการศึกษามีความสะดวกรวดเร็วและมีคุณภาพ ทำให้การสื่อสารและการประสานงานด้านการบริหารการศึกษาและการปฏิรูปการศึกษาไม่สะดวกรวดเร็ว
3. ระบบ CAMS มีข้อเด่นอะไรบ้าง ?
- เป็นระบบที่ทำหน้าที่จัดการและผสมสื่อมัลติมีเดียเข้าด้วยกัน เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ออกมาเป็นบทเรียนที่ได้มาตรฐานสากล สามารถนำไปใช้งานร่วมกับระบบบริหารการเรียนการสอน
4.บริษัทชูจุดเด่นของ CAMS ว่าดีกว่า MIS ของระบบสถานศึกษาทั่วไปอย่างไร ?
- เป็นการนำคอมพิวเตอร์มาใช้เนื่องจากระบบคอมพิวเตอร์จะมีความเที่ยงตรงและเชื่อถือได้ในการทำงานที่ซ้ำกัน ซึ่งจะช่วยประหยัดระยะเวลาและแรงงาน ประการสำคัญช่วยให้คุณภาพของผลิตภัณฑ์มีความสม่ำเสมอตามที่กำหนด
5.เพื่อให้ลูกค้าเกิดความเชื่อมั่นในตัวระบบ บริษัทได้พูดถึงบริการของบริษัทในเรื่องใดบ้าง ?
- โดยคำนึงถึงประสิทธิภาพ ความปลอดภัยและความคุ้มค่าที่สุด ใช้งานง่ายการดำเนินงานที่ใช้เวลาลดลง โดยจะช่วยลดค่าใช้จ่ายทั้งหมดของลูกค้าในการเป็นเจ้าของเพื่อเพิ่มผลตอบแทนจากการลงทุนของลูกค้า
Management Information Sytem : Assignment 1
1. Dave Ranter มองว่าระบบ MRP II สามารถแก้ปัญหาสำคัญสองประการ คือปัญหาอะไรบ้าง
- การใช้ทรัพยากรให้เกิดประสิทธิภาพ
- ลดค่าใช้จ่าย
- การใช้ทรัพยากรให้เกิดประสิทธิภาพ
- ลดค่าใช้จ่าย
2. ฝ่ายผลิตมีปัญหากับการจัดสรรทรัพยากรอย่างไรบ้าง และมองว่าระบบ MRP II สามารถแก้ไขได้อย่างไร
- เมื่อระบบ MRP II เข้ามาช่วยจัดสรรทรัพยากรแล้ว จะทำให้การผลิตใช้ทรัพยากรได้เหมาะสม
3. Dave Ranter เสนอว่าควรมีการใช้ฐานข้อมูลทุกหน่วยงานร่วมกัน เพื่อแก้ปัญหาใด และก่อให้เกิดประโยชน์อะไร
- ปัญหาคือ มีข้อมูลจำนวนมาก ข้อมูลที่ได้มาก็ต่างกันบ้างไม่ค่อยตรงกัน ควรมีฐานข้อมูลที่เหมือนกันถึงจะทำงานได้มีประสิทิภาพและรวดเร็วแม่นยำ
4. Dave Ranter ตั้งความหวังว่า MRP II จะมีประโยชน์ในเรื่องของการเปลี่ยนแปลงวัฒนธรรมการทำงานเดิม อย่างไรบ้าง
- จะทำให้พนักงานมีวินัยทำงานตามหน้าที่ของตน
5. Dave Ranter พูดถึงปัจจัยหนึ่งที่น่าจะมีผลต่อความสำเร็จในการนำระบบ MRP II มาใช้ ปัจจัยที่ว่าคืออะไรและมีความสำคัญต่อระบบอย่างไร
- ผู้ใช้งานจะเป็นคนตัดสินใจจากข้อมูลที่ถูกต้องของระบบ
6. การทำงานในปัจจุบันของบริษัท ทางด้านข้อมูลมีปัญหาอะไรบ้าง และปัญหาเหล่านั้นเกิดจากอะไร
- เกิดจากข้อมูลที่แตกต่างกัน ทำให้เกิดคความสับสน ซับซ้อน แต่ละแผนกไม่ประสานงานกัน
7. Dave Ranter คาดการณ์ ถึงผลกระทบของพนักงานต่อการนำระบบมาใช้อย่างไร
- การนำเอาเทคโนโลยีมาใช้ อาจทำให้พนักงานตกงาน ถ้าพนักงานไม่ให้ความสนใ
8. “ระบบ MRP II จะไม่ได้เข้ามาเปลี่ยนแปลงการทำงานของพวกเรา มันขึ้นอยู่กับการจัดการระบบของพนักงาน และการตัดสินใจ เมื่อพวกเขาได้สารสนเทศที่ดีขึ้นจากระบบ”ท่านเห็นด้วยกับ Dave ในเรื่องนี้หรือไม่ โปรดแสดงความคิดเห็นแล้วแต่นักศึกษา
- ไม่เห็นด้วย อาจทำให้เกิดความซ้ำซ้อนในการทำงาน
Database System : Week 1
ให้นักศึกษาหางานที่เกี่ยวข้องกับสาขาของฐานข้อมูล แล้วทำการสรุปถึงคุณสมบัติและแนวโน้มของตลาดแรงงานทางด้านคอมพิวเตอร์ดังนี้
1.ชื่อเรียกตำแหน่งของงานที่เกี่ยวข้องกับฐานข้อมูล
- Database Administrator (DBA)- Database Designer
- System Analysis and Application Programmers
- DBMS Designers and implementers
- Tool Developers
- Operators and Maintenance Personnels
2.หน้าที่ของตำแหน่งนั้น
- Database Administrator (DBA) เป็นผู้ควบคุมและบริหารจัดการฐานข้อมูลทั้งหมด - Database Designer มีหน้าที่รับผิดชอบการกำหนดรูปแบบและโครงสร้างของฐานข้อมูลที่จะนำมาเก็บไว้ในระบบฐานข้อมูลทั้งหมด
- System Analysis and Application Programmers เป็นงานที่เกี่ยวข้องกับรวบรวมและวิเคราะห์ระบบและเขียนโปรแกรมประยุกต์ โดยวิเคราะห์และออกแบบตามความต้องการของผู้ใช้ฐานข้อมูล
- DBMS Designers and implementers เป็นงานที่เกี่ยวข้องกับการออกแบบและพัฒนาซอฟต์แวร์ในการจัดการฐานข้อมูลซึ่งเป็นซอฟต์แวร์ขนาดใหญ่และมีความซับซ้อน
- Tool Developers เป็นงานที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาเครื่องมือที่ใช้ในฐานข้อมูล
- Operators and Maintenance Personnels ป็นงานที่เกี่ยวข้องกับการดูแลและบำรุงรักษาระบบให้สามารถใช้งานได้ตลอดเวลา
3.คุณสมบัติที่เหมาะสมสำหรับ ผู้ที่ต้องการทำงานทางสาขานี้
- วุฒิการศึกษา ปริญญาตรี/โท ในสาขาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ , วิทยาการคอมพิวเตอร์ , IT หรือสาขาอื่นที่เกี่ยวข้อง- มีความสามารถในการออกแบบ Database schema/structure
- มีความรู้เกี่ยวกับ Database Backup and Recovery , Performance Tuning , Database Security และออกรายงานได้
- มีประสบการณ์ทำงานเกี่ยวกับ MS SQL Server และ MySQL
- สามารถเขียนโปรแกรมเพื่อติดต่อกับฐานข้อมูล
4.นักศึกษาคิดว่าต้องการศึกษาอะไรเพิ่มเติมเพื่อที่จะทำงานทางด้านฐานข้อมูล
- มีความรู้เกี่ยวกับ Database Backup and Recovery , Performance Tuning , Database Security, MySQL
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)